ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวประชาสัมพันธ์
Line
07 มี.ค.2557

PD HOUSE ระบบแฟรนไชส์กับวันที่สำเร็จไปอีกขั้น

Line

ธุรกิจรับสร้างบ้าน เป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยองค์ประกอบหลายอย่างๆ เพื่อจะสร้างบ้านที่มีคุณภาพสักหลังหนึ่งส่งมอบแก่ผู้บริโภค จึงมีความจำเป็นเป็นอย่างมากสำหรับตัวผู้ประกอบการ ที่ต้องมีความรู้ความสามารถและการบริหารระบบงานที่ดีเพียงพอ เพื่อให้ธุรกิจประสบผลสำเร็จ รวมถึงยกระดับมาตรฐานของตัวเองตลอดเวลา เหมือนกับการทำธุรกิจรับสร้างบ้าน “ระบบแฟรนไชส์” ของ “พีดี เฮ้าส์” ที่ทุกวันนี้ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคเป็นวงกว้างมากขึ้น

คุณสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดี เฮ้าส์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เจ้าของและผู้บริหารสิทธิ์แฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวว่า “เราต้องการจะยกระดับผู้ประกอบการและวงการธุรกิจรับสร้างบ้านให้มีมาตรฐานมากขึ้น โดยใช้การคัดเลือกผู้สนใจลงทุนที่จะเข้ามาสู่ธุรกิจนี้ด้วยระบบแฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อผู้บริโภคและผู้ประกอบการเอง โดยมีเรื่องหลักๆ อยู่ 3เรื่องได้แก่ เงินทุนของผู้ประกอบการที่ต้องมีเพียงพอ เราจึงกำหนดทุนขั้นต่ำไว้ที่ 3 ล้านบาท เพราะไม่ต้องการให้เกิดความเสี่ยงกับผู้บริโภคที่มาใช้บริการ ซึ่งในฐานะของผู้ประกอบการคุณต้องมีต้นทุนเพียงพอ เรื่องที่สองคือ ต้องปฏิบัติตามวิธีบริหารจัดการทั้งก่อนและหลังการขายของพีดีเฮ้าส์อย่างเคร่งครัด เพื่อการบริการและคุณภาพของบ้านที่ส่งมอบให้ลูกค้ามีมาตรฐานเดียวกัน สุดท้ายคือเรื่องบุคลากรที่จะเข้ามาปฏิบัติงานทุกตำแหน่งจะต้องผ่านการฝึกอบรม เพื่อให้มีความรู้ความสามารถ มีทัศนคติที่ดี ในการบริการลูกค้าด้วย นี่คือ 3 เรื่องหลักๆ”
 
สำหรับปี 2557 นี้ กำหนดยอดขายไว้ที่ 2 พันล้านบาท โดยเตรียมเปิดตัวศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์อีก 10 สาขา โดยยังคงเน้นต่างจังหวัด ทั้งในภาคกลาง อีสาน เหนือ รวมทั้งมองไปถึงอนาคตกับการขยายระบบแฟรนไชส์รับสร้างบ้านไปถึงประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงอาทิ ลาว พม่า กัมพูชา เพื่อรองรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AECหลังจากที่เปิดศูนย์รับสร้างบ้านกระจายเกือบ60 จังหวัดทั่วทุกภูมิภาคตามแผนระยะแรกแล้ว
 
“ในฐานะเราเป็นเจ้าของแบรนด์และเครื่องหมายการค้า ซึ่งการจะอนุญาตให้ผู้อื่นมาใช้แบรนด์ร่วมกับเรานั้น ย่อมถือว่ามีความเสี่ยงสูง ฉะนั้นเราจึงต้องมีระบบคัดกรองหรือตรวจสอบผู้ที่จะเข้ามาลงทุนที่ดี และมีระบบป้องกันที่ดี เพราะหากเกิดปัญหาใดๆ ขึ้นโดยคาดไม่ถึงมาก่อน แบรนด์และเครื่องหมายการค้าต้องไม่ได้รับผลกระทบหรือกระทบน้อยที่สุด ฉะนั้น เราจึงต้องออกแบบระบบเฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์อย่างรัดกุม” คุณสิทธิพร อธิบาย

ข้อดีอย่างหนึ่งของการนำระบบแฟรนไชส์มาใช้ก็คือ สามารถขยายธุรกิจหรือสาขาได้อย่างรวดเร็ว เพราะเป็นการระดมทุนหรือลงทุนร่วมกัน  โดยคนที่ลงทุนก็จะได้เป็นทั้งเจ้าของหรือผู้ถือหุ้น และได้สิทธิ์บริหารจัดการธุรกิจด้วยตัวเอง ซึ่งหมายความว่าก็จะมีความรักและหวงแหนในธุรกิจที่ทำ และมันก็จะเกิดไอเดียหรือความคิดใหม่ๆ จากเจ้าของธุรกิจเหล่านี้ เพื่อนำมาพัฒนาและต่อยอดธุรกิจ แทนที่จะมีผู้บริหารสูงสุดคิดอยู่เพียงคนเดียว และแน่นอนว่ามีข้อดีก็ต้องมีข้อเสียด้วยเช่นกันคือ เราต้องยอมรับสภาพว่าเราไม่ใช่เจ้าของเพียงคนเดียวอีกต่อไปแล้ว
 
“ตอนนี้เราเปลี่ยนผ่านจากการเป็นผู้ประกอบการที่ผู้บริโภครู้จักในระดับหนึ่ง เป็นการรู้จักที่ขยายวงกว้างมากขึ้น สิ่งที่เห็นได้ชัดในตัวของผู้บริโภคคือ เขากล้าที่เข้ามาติดต่อกับบริษัทรับสร้างบ้านมากขึ้น แทนที่จะไปติดต่อผู้รับเหมารายย่อยทั่วไป ทำให้รู้ว่า หากเขาเลือกที่จะคุยกับเราเป็นรายแรก เราก็มีความได้เปรียบมากขึ้น เพราะสามารถนำเสนอข้อมูลก่อน หากตอบสนองได้ก่อนลูกค้าก็จะเลือกเรา”

สุดท้าย อยากฝากกับผู้ที่สนใจจะเข้ามาใหม่ในธุรกิจรับสร้างบ้านว่า “การเข้ามาเป็นเรื่องง่าย แต่เข้ามาแล้วจะอยู่รอดเป็นเรื่องยากนะ” เพราะถ้าไม่เป็นมืออาชีพก็รอดยาก ส่วนผู้บริโภคก็ต้องพิจารณาตัวผู้ประกอบการเป็นเรื่องสำคัญ อย่ามองแค่โฆษณาที่อาจเกินจริง หรือโปรโมชั่นแรงๆ ต้องเข้าไปสัมผัสและพูดคุย หาข้อมูลที่แท้จริง เพราะการสร้างบ้านไม่ใช่แค่การซื้อวัสดุแล้วมีช่างสร้างบ้านเท่านั้น ยังมีเรื่องสำคัญที่มองข้ามไม่ได้คือ ระบบการจัดการ อย่างเช่น มีสาขามากถึง 35 สาขาแต่ยังสามารถบริหารจัดการได้ตามปกติ แสดงว่าต้องมีระบบการจัดการที่ดี จริงมั้ยครับ” คุณสิทธิพรกล่าวทิ้งท้าย L&H