กว่า 80% ของบ้าน และทาวน์เฮาส์ในกรุงเทพฯ ต้องผ่านการต่อเติมบ้านเพื่อให้มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น และส่วนใหญ่จะไม่ได้ผ่านการขออนุญาตซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติ ควบคุมอาคาร แต่มีอยู่ 5 กรณีที่ไม่ต้องขออนุญาตและไม่ผิดกฎหมาย
บ้านเดี่ยว หรือทาวน์เฮาส์ในโครงการจัดสรรส่วนใหญ่ จะถูกออกแบบตัวบ้านให้สอดคล้องกับเนื้อที่ดินที่มี รวมถึง สัดส่วนพื้นที่ใช้สอยต่างๆ และเสาเข็มส่วนใหญ่ที่เลือกใช้ก็เป็นขนาดที่รองรับบ้านตามแบบที่ออกแบบไว้ น้อยมากที่จะเผื่อสำหรับการรับน้ำหนักอื่นๆ ด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลกับต้นทุน ราคาบ้าน ยิ่งบ้านระดับราคาไม่แพงมาก 1-2 ล้านบาท เสาเข็มส่วนใหญ่ก็จะเป็นเสาเข็มที่รับน้ำหนักเฉพาะตัวบ้าน ยกเว้นบางโครงการจะทำเผื่อไว้ให้ผู้ซื้อต่อเติม
แต่ถ้าให้สำรวจที่อยู่อาศัยทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ในกรุงเทพฯ ทั้งหมด เชื่อได้เลยว่าไม่น้อยกว่า 80-90% ต่อเติมบ้าน เพื่อให้มีพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านมากขึ้น และส่วนใหญ่แล้วจะต่อเติมบ้านโดยไม่ได้ขออนุญาต ซึ่งจริงๆ การต่อเติมบ้าน โดยไม่ได้รับอนุญาตถือว่าผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติ ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ที่ว่าด้วยเรื่องการดัดแปลง หรือต่อเติมอาคาร จะต้องขออนุญาต ยกเว้น 5 กรณีที่ไม่ต้องขออนุญาต
5 กรณีที่ไม่ต้องขออนุญาตเมื่อต่อเติมบ้าน
1. การ “เพิ่ม” หรือ “ลด” เนื้อที่ของพื้นชั้นใดชั้นหนึ่งรวมกันไม่เกิน 5 ตารางเมตร และไม่มีการเพิ่มหรือลดจำนวนเสาหรือคาน ซึ่งหมายความว่า ถ้าเกินกว่า 5 ตารางเมตร ก็ต้องขออนุญาต
2. การ “เพิ่ม” หรือ “ลด” เนื้อที่ของหลังคารวมกันไม่เกิน 5 ตารางเมตร และไม่มีการเพิ่มหรือลดจำนวนเสาหรือคาน หมายความว่า ถ้าเกินกว่า 5 ตารางเมตร ก็ต้องขออนุญาต
3. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอาคาร ด้วยการใช้วัสดุ ขนาด จำนวน และชนิดเดียวกับของเดิม ซึ่งหมายความว่า ถ้าเรามีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเป็นวัสดุที่แตกต่างจากเดิม เราต้องขออนุญาต
4. การเปลี่ยนส่วนใดๆ ภายในบ้านที่ไม่ใช่ส่วนที่เป็นโครงสร้างอาคาร ด้วยการใช้วัสดุชนิดเดียวกับของเดิม หรือวัสดุชนิดอื่นที่ไม่ได้เพิ่มน้ำหนักให้แก่โครงสร้างของอาคารเดิมเกิน 10% ของน้ำหนักเดิม ซึ่งหมายความว่า ถ้าเรามีการเปลี่ยนแปลงส่วนใดๆ ภายในบ้านด้วยวัสดุที่แตกต่างจากเดิม หรือเพิ่มน้ำหนักเกินกว่า 10% ของน้ำหนักเดิม เราต้องขออนุญาต
5. การเปลี่ยน ต่อเติม เพิ่ม ลด เนื้อที่ส่วนใดๆ ก็ตามในบ้านที่ไม่ใช่ส่วนที่เป็นโครงสร้างอาคาร และไม่เพิ่มน้ำหนักให้แก่โครงสร้างเกิน 10% ของโครงสร้างอาคารเดิม ซึ่งหมายความว่า ถ้าเรามีการเปลี่ยน ต่อเติม เพิ่ม ลด เนื้อที่ในบ้านด้วยวัสดุที่แตกต่างจากเดิม หรือเพิ่มน้ำหนักเกินกว่า 10% ของน้ำหนักเดิม เราต้องขออนุญาต
ถ้าพิจารณาจากข้อยกเว้น 5 ข้อแล้ว จะเห็นว่า การต่อเติมส่วนใหญ่ที่เราๆ ทำกันอยู่ ล้วนต้องขออนุญาต เพราะพื้นที่ที่เราต่อเติม ส่วนใหญ่จะเกินกว่า 5 ตารางเมตร แต่ที่ผ่านมาทางการอาจจะอนุโลม เพราะไม่ได้ส่งผลกระทบกับเพื่อนบ้านหรือชุมชนใกล้เคียง หรือไม่มีการร้องเรียนว่าการต่อเติมนั้น เป็นเหตุให้เกิดความไม่ปลอดภัยกับชุมชนข้างเคียง
เหตุผลสำคัญที่ภาครัฐกำหนดว่าเราต้องขออนุญาตต่อเติมก่อนนั้น เป็นเพราะความปลอดภัยทั้งของเจ้าของบ้านที่ต่อเติมเองและเพื่อนบ้านใกล้เคียง กับการต่อเติมนั้นอาจส่งผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่งไปยังเพื่อนบ้าน หรือชุมชนใกล้เคียง ดังนั้น การต่อเติมจึงควรขออนุญาตให้ถูกต้องก็ดีกว่า โดยขั้นตอนในการขออนุญาตมีดังนี้
บ้านเดี่ยว หรือทาวน์เฮาส์ในโครงการจัดสรรส่วนใหญ่ จะถูกออกแบบตัวบ้านให้สอดคล้องกับเนื้อที่ดินที่มี รวมถึง สัดส่วนพื้นที่ใช้สอยต่างๆ และเสาเข็มส่วนใหญ่ที่เลือกใช้ก็เป็นขนาดที่รองรับบ้านตามแบบที่ออกแบบไว้ น้อยมากที่จะเผื่อสำหรับการรับน้ำหนักอื่นๆ ด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลกับต้นทุน ราคาบ้าน ยิ่งบ้านระดับราคาไม่แพงมาก 1-2 ล้านบาท เสาเข็มส่วนใหญ่ก็จะเป็นเสาเข็มที่รับน้ำหนักเฉพาะตัวบ้าน ยกเว้นบางโครงการจะทำเผื่อไว้ให้ผู้ซื้อต่อเติม
แต่ถ้าให้สำรวจที่อยู่อาศัยทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ในกรุงเทพฯ ทั้งหมด เชื่อได้เลยว่าไม่น้อยกว่า 80-90% ต่อเติมบ้าน เพื่อให้มีพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านมากขึ้น และส่วนใหญ่แล้วจะต่อเติมบ้านโดยไม่ได้ขออนุญาต ซึ่งจริงๆ การต่อเติมบ้าน โดยไม่ได้รับอนุญาตถือว่าผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติ ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ที่ว่าด้วยเรื่องการดัดแปลง หรือต่อเติมอาคาร จะต้องขออนุญาต ยกเว้น 5 กรณีที่ไม่ต้องขออนุญาต
5 กรณีที่ไม่ต้องขออนุญาตเมื่อต่อเติมบ้าน
1. การ “เพิ่ม” หรือ “ลด” เนื้อที่ของพื้นชั้นใดชั้นหนึ่งรวมกันไม่เกิน 5 ตารางเมตร และไม่มีการเพิ่มหรือลดจำนวนเสาหรือคาน ซึ่งหมายความว่า ถ้าเกินกว่า 5 ตารางเมตร ก็ต้องขออนุญาต
2. การ “เพิ่ม” หรือ “ลด” เนื้อที่ของหลังคารวมกันไม่เกิน 5 ตารางเมตร และไม่มีการเพิ่มหรือลดจำนวนเสาหรือคาน หมายความว่า ถ้าเกินกว่า 5 ตารางเมตร ก็ต้องขออนุญาต
3. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอาคาร ด้วยการใช้วัสดุ ขนาด จำนวน และชนิดเดียวกับของเดิม ซึ่งหมายความว่า ถ้าเรามีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเป็นวัสดุที่แตกต่างจากเดิม เราต้องขออนุญาต
4. การเปลี่ยนส่วนใดๆ ภายในบ้านที่ไม่ใช่ส่วนที่เป็นโครงสร้างอาคาร ด้วยการใช้วัสดุชนิดเดียวกับของเดิม หรือวัสดุชนิดอื่นที่ไม่ได้เพิ่มน้ำหนักให้แก่โครงสร้างของอาคารเดิมเกิน 10% ของน้ำหนักเดิม ซึ่งหมายความว่า ถ้าเรามีการเปลี่ยนแปลงส่วนใดๆ ภายในบ้านด้วยวัสดุที่แตกต่างจากเดิม หรือเพิ่มน้ำหนักเกินกว่า 10% ของน้ำหนักเดิม เราต้องขออนุญาต
5. การเปลี่ยน ต่อเติม เพิ่ม ลด เนื้อที่ส่วนใดๆ ก็ตามในบ้านที่ไม่ใช่ส่วนที่เป็นโครงสร้างอาคาร และไม่เพิ่มน้ำหนักให้แก่โครงสร้างเกิน 10% ของโครงสร้างอาคารเดิม ซึ่งหมายความว่า ถ้าเรามีการเปลี่ยน ต่อเติม เพิ่ม ลด เนื้อที่ในบ้านด้วยวัสดุที่แตกต่างจากเดิม หรือเพิ่มน้ำหนักเกินกว่า 10% ของน้ำหนักเดิม เราต้องขออนุญาต
ถ้าพิจารณาจากข้อยกเว้น 5 ข้อแล้ว จะเห็นว่า การต่อเติมส่วนใหญ่ที่เราๆ ทำกันอยู่ ล้วนต้องขออนุญาต เพราะพื้นที่ที่เราต่อเติม ส่วนใหญ่จะเกินกว่า 5 ตารางเมตร แต่ที่ผ่านมาทางการอาจจะอนุโลม เพราะไม่ได้ส่งผลกระทบกับเพื่อนบ้านหรือชุมชนใกล้เคียง หรือไม่มีการร้องเรียนว่าการต่อเติมนั้น เป็นเหตุให้เกิดความไม่ปลอดภัยกับชุมชนข้างเคียง
เหตุผลสำคัญที่ภาครัฐกำหนดว่าเราต้องขออนุญาตต่อเติมก่อนนั้น เป็นเพราะความปลอดภัยทั้งของเจ้าของบ้านที่ต่อเติมเองและเพื่อนบ้านใกล้เคียง กับการต่อเติมนั้นอาจส่งผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่งไปยังเพื่อนบ้าน หรือชุมชนใกล้เคียง ดังนั้น การต่อเติมจึงควรขออนุญาตให้ถูกต้องก็ดีกว่า โดยขั้นตอนในการขออนุญาตมีดังนี้
ขั้นตอนในการขออนุญาตก่อนต่อเติมบ้าน
1. ติดต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่บ้านของเราตั้งอยู่ เช่น ถ้าบ้านของเราอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ก็ดำเนินเรื่องผ่านสำนักงานเขตกรุงเทพมหานครที่พื้นที่ที่บ้านเราตั้งอยู่ ส่วนถ้าเป็นต่างจังหวัด เราอยู่จังหวัดไหน เราก็แจ้งกับองค์การบริหารจัดการส่วนท้องถิ่นของจังหวัดนั้นๆ
2. ยื่นแบบขออนุญาตก่อสร้างอาคาร, ดัดแปลงอาคาร, รื้อถอนอาคาร
3. เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ก็ต้องมายื่นขอรับใบอนุญาตดังต่อไปนี้
- ใบแจ้งการออกใบอนุญาตก่อสร้าง, ดัดแปลง, รื้อถอนอาคาร ภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ขออนุญาต
- หลังจากนั้น ให้ขอรับใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร, ดัดแปลงอาคารรื้อถอนอาคาร ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งออกใบอนุญาตไว้
ทั้งนี้ เอกสารและค่าธรรมเนียมต่างๆ สามารถติดต่อสอบถามได้จากสำนักงานเขตท้องถิ่นตามพื้นที่ที่บ้านเราตั้งอยู่ ซึ่งอาจจะยุ่งยากเล็กน้อย แต่ทำตามความถูกต้อง ก็ปลอดภัยทั้งกับตัวเองและชุมชนรอบข้าง
1. ติดต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่บ้านของเราตั้งอยู่ เช่น ถ้าบ้านของเราอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ก็ดำเนินเรื่องผ่านสำนักงานเขตกรุงเทพมหานครที่พื้นที่ที่บ้านเราตั้งอยู่ ส่วนถ้าเป็นต่างจังหวัด เราอยู่จังหวัดไหน เราก็แจ้งกับองค์การบริหารจัดการส่วนท้องถิ่นของจังหวัดนั้นๆ
2. ยื่นแบบขออนุญาตก่อสร้างอาคาร, ดัดแปลงอาคาร, รื้อถอนอาคาร
3. เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ก็ต้องมายื่นขอรับใบอนุญาตดังต่อไปนี้
- ใบแจ้งการออกใบอนุญาตก่อสร้าง, ดัดแปลง, รื้อถอนอาคาร ภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ขออนุญาต
- หลังจากนั้น ให้ขอรับใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร, ดัดแปลงอาคารรื้อถอนอาคาร ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งออกใบอนุญาตไว้
ทั้งนี้ เอกสารและค่าธรรมเนียมต่างๆ สามารถติดต่อสอบถามได้จากสำนักงานเขตท้องถิ่นตามพื้นที่ที่บ้านเราตั้งอยู่ ซึ่งอาจจะยุ่งยากเล็กน้อย แต่ทำตามความถูกต้อง ก็ปลอดภัยทั้งกับตัวเองและชุมชนรอบข้าง
เพื่อนบ้านก็สำคัญ
นอกจากขออนุญาตกับทางการแล้ว สิ่งที่ “ลืมไม่ได้” นั่นก็คือ การแจ้งกับเพื่อนบ้าน ใจเขาใจเรา เพื่อความสงบสุขในการอยู่อาศัยร่วมกัน บอกกล่าวเพื่อนบ้านว่าเราจะต่อเติม รื้อถอน ตั้งแต่ช่วงวันไหนถึงวันไหน อาจทำให้เกิดความไม่สะดวก และการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ อาจจะกระทบกับเพื่อนบ้านอย่างไรบ้าง เพราะหากเราต่อเติม รื้อถอน แล้วส่งผลกระทบกับเพื่อนบ้าน แม้จะดำเนินการขออนุญาตทางการอย่างถูกต้อง เราก็อาจจะถูกฟ้องร้องได้เช่นกัน
นอกจากขออนุญาตกับทางการแล้ว สิ่งที่ “ลืมไม่ได้” นั่นก็คือ การแจ้งกับเพื่อนบ้าน ใจเขาใจเรา เพื่อความสงบสุขในการอยู่อาศัยร่วมกัน บอกกล่าวเพื่อนบ้านว่าเราจะต่อเติม รื้อถอน ตั้งแต่ช่วงวันไหนถึงวันไหน อาจทำให้เกิดความไม่สะดวก และการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ อาจจะกระทบกับเพื่อนบ้านอย่างไรบ้าง เพราะหากเราต่อเติม รื้อถอน แล้วส่งผลกระทบกับเพื่อนบ้าน แม้จะดำเนินการขออนุญาตทางการอย่างถูกต้อง เราก็อาจจะถูกฟ้องร้องได้เช่นกัน
ขอขขอบคุณที่มา : Sanook
Home's Tips
เปลี่ยนของสะสมเป็นของแต่งบ้านชิ้นสวย เพิ่มสไตล์ให้บ้านน่าอยู่
หมดกังวลกับการจัดของสะสมชิ้นโปรดให้เข้ากับการตกแต่งภายในบ้าน
5 เคสที่ไม่ต้องขออนุญาต ถ้าคิดจะต่อเติมบ้าน
กว่า 80% ของบ้าน และทาวน์เฮาส์ในกรุงเทพฯ ต้องผ่านการต่อเติมบ้านเพื่อให้มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น
10 สีทาภายในบ้าน เปลี่ยนบรรยากาศจืดชืด ให้สดใสเหมือนได้ออกไปพักร้อน
10 สีทาภายใน เปลี่ยนบ้านจืด ๆ ให้มีสีสัน เหมือนได้ออกไปพักร้อน
Home's Tips..
-
เทคนิคดูแลเสื้อผ้าเมื่อต้องสู้ฝุ่น PM 2.5 เรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม
-
3 สัญญาณเตือนในบ้าน ที่ทำให้คุณเสี่ยงป่วยแบบไม่รู้ตัว
-
7 วิธีออกแบบบ้านเอง ให้สวยตรงใจ ใช้งานได้จริง หลักเบื้องต้นที่ควรรู้ก่อนลงมือ
-
เปลี่ยนของสะสมเป็นของแต่งบ้านชิ้นสวย เพิ่มสไตล์ให้บ้านน่าอยู่
-
5 เคสที่ไม่ต้องขออนุญาต ถ้าคิดจะต่อเติมบ้าน
-
10 สีทาภายในบ้าน เปลี่ยนบรรยากาศจืดชืด ให้สดใสเหมือนได้ออกไปพักร้อน
-
9 ฤกษ์ดี เริ่มสร้างบ้านก่อนสิ้นปีนี้
-
แปลนบ้านที่ใช่กับ 5 ปัจจัยหลักที่ไม่ควรมองข้าม
-
ข้อกฎหมายควรรู้ก่อนสร้างบ้านใหม่บนที่ดินของตัวเอง