![](https://www.pd.co.th/uploads/content/2020/06/o_1ear6dbh8svf5cdclo1bo0uacg.jpg)
ผ้าปูที่นอน ถืออีกสิ่งหนึ่งที่เราจำเป็นจะต้องใช้เป็นประจำทุกวัน และใช้เวลาอยู่กับมันนานหลายชั่วโมง การซักผ้าปูที่นอนของแต่ละคนก็อาจจะแตกต่างกันไป สัปดาห์ละครั้ง หรือบางคนอาจจะเดือนละครั้ง แต่รู้หรือไม่ว่าผ้าปูที่นอนนั้นสามารถเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคที่สำคัญได้อีกหนึ่งแหล่ง วันนี้มีเรื่องเกี่ยวกับผ้าปูที่นอนมาฝากกัน
ทำไมการซัก ผ้าปูที่นอน ถึงเป็นเรื่องสำคัญ
บนที่นอนถือเป็นสถานที่ที่มีความสุขของทุกๆ คนมากที่สุด แต่รู้หรือไม่ว่า ผ้าปูที่นอน เป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียอย่างดี ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ การนอนหลับทำให้ผิวของเราใช้เวลานี้ในการสร้างตัวเองขึ้นมา ส่งผลให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วและเซลล์ผิวใหม่ ถูกดักจับโดยผ้าปูที่นอน ทำหน้าที่เหมือนตาข่ายดักจับปลา ที่คอยจับเซลล์ของมนุษย์หลายพันชนิด รวมถึงน้ำมันที่ออกมาจากร่างกาย ของเหลวต่างๆ รวมถึงปัสสาวะ และอุจจาระ อีกด้วย
นอกจากนั้นคนเรายังหลั่งเหงื่อออกมาถึง 26 แกลลอนบนเตียงทุกๆ ปี และเมื่อเตียงเจอกับความชื้น ก็จะทำให้เกิดเชื้อราขึ้นนั่นเอง ดังนั้น ถ้าตัวคุณมีรอยขีดข่วนก็อาจเกิดการติดเชื้อได้ นอกจากนั้นเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ยังมีตัวการในการดึงไรฝุ่นให้มาอยู่บนที่นอน สามารถส่งผลต่อผู้ที่เป็นโรคหอบหืดได้ด้วย
![](https://www.pd.co.th/uploads/content/2020/06/o_1ear6dbh91cfk36a11p767i13crm.jpg)
ดังนั้น การซักผ้าปูที่นอนให้สะอาดอยู่เสมอ จึงเป็นการป้องกันเชื้อรา เชื้อโรค และไรฝุ่น ที่อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพขึ้นได้นั่นเอง
จะแย่แค่ไหน ถ้าไม่ซักผ้าปูที่นอนทุกสัปดาห์
คราวนี้ลองมาดูกันบ้างดีกว่าว่า ถ้าคุณไม่ซักผ้าปูที่นอนทุกสัปดาห์ สามารถส่งผลเสียต่อคุณอย่างไรบ้าง ผลต่างๆ ที่เกิดขึ้น มีดังนี้
ไร
ร่างกายของเรานั้นผลัดเซลล์ผิววันละ 500 ล้านเซลล์ ทำให้เกิดเป็นคราบคิดอยู่บนเตียงเมื่อคุณกลิ้งไปกลิ้งมา ซึ่งเซลล์ที่ตายแล้วจะกองอยู่บนผ้าปูที่นอน นอกจากนั้นไรฝุ่นยังชอบกินเซลล์ที่ถูกผลัดออก โดยไรฝุ่นที่เกิดขึ้นนี้อาจส่งผลทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด ทั้งยังอาจทำให้คุณเป็นกลาก คัน ได้อีกด้วย
ติดเชื้อรา
หากคุณที่ชอบเอาสัตว์เลี้ยงมานอนด้วย ก็ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะไรฝุ่นอาจทำให้ผิวของสัตว์กลายเป็นโรคเรื้อนได้ ทั้งมันยังสามารถแพร่กระจายมายังผิวหนังของคุณได้อีกด้วย อาจจะทำให้คุณเกิดความระคายเคือง และคัน นอกจากนั้นสัตว์เลี้ยงก็ยังสามารถติดเชื้อรา หรือที่เรียกว่า กลากของหนังศีรษะจากคุณได้อีกด้วย
![](https://www.pd.co.th/uploads/content/2020/06/o_1ear6dbh8qjl1f8o1mf998foaj.jpg)
แบคทีเรีย
เซลล์ผิวที่ตายแล้ว เหงื่อ น้ำลาย และอื่นๆ สามารถเปลี่ยนเตียงของคุณเป็นจานเพาะเชื้อโรคมากมายได้โดยไม่ยาก ตัวอย่างการทดลองในห้องปฏิบัติการพบว่า ปลอกหมอนที่ไม่ได้ซักเป็นเวลา 1 สัปดาห์ มีแบคทีเรียถึง 17,000 เท่า ซึ่งเท่ากับเชื้อโรคที่เกิดขึ้นบนที่นั่งชักโครกเลยก็ว่าได้
สิว
อาการสิวที่เป็นอยู่ของคุณอาจจะแย่ลง หรือไม่สามารถหาสาเหตุได้ว่าทำไมคุณถึงเป็นสิว นั้นเป็นผลมาจากการไม่ซักผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนนั่นเอง เนื้อจากเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และแบคทีเรีย สามารถอุดตันรูขุมขน จนทำให้เกิดเป็นสิวขึ้นมาได้นั่นเอง
จุลินทรีย์
แบคทีเรียหรือไวรัสส่วนใหญ่ สามารถอยู่รอดได้บนพื้นผิวที่อ่อนนุ่มเป็นเวลาหลายนาทีถึงหลายชั่วโมง ระยะเวลาจะแตกต่างกันไป ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะของจุลินทรีย์ เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ จะอาศัยอยู่ในเนื้อผ้าเป็นเวลา 15 นาที แต่จุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร สามารถอยู่รอดในเนื้อผ้าได้นานถึง 4 ชั่วโมง
โรคราน้ำค้าง
หมอนของคุณอาจเต็มไปด้วยเชื้อรา ซึ่งเชื้อราบางชนิดมีผลกระทบต่อผู้ที่เป็นโรคหอบหืด ดังนั้นการซักผ้าปูที่นอน รวมถึงปลอกหมอนจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่เมื่อซักแล้วก็ต้องแน่ใจว่าตากไว้จนแห้ง เพราะไม่เช่นนั้นก็อาจจะมีโรคราน้ำค้าง ติดมากับเครื่องนอนของคุณก็เป็นได้
![](https://www.pd.co.th/uploads/content/2020/06/o_1ear6dbh919h61suv186a1dsdrael.jpg)
ควรซักผ้าปูที่นอนบ่อยขนาดไหนถึงจะดี
นักจุลชีววิทยา แนะนำว่า ควรล้างผ้าปูที่นอน ผ้านวม และปลอกหมอนอย่างสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยใช้อุณหภูมิที่ 60 องศาเซลเซียส เพื่อทำลายแบคทีเรียให้สะอาด นอกจากนั้นแล้วควรใช้ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนที่แห้งสนิทเท่านั้น โดยเมื่อซักเสร็จควรนำไปตากให้โดนแสงแดด เพื่อทำการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ นอกจากนั้นควรใช้เตารีด รีดผ้าปูที่นอน และปลอกหมอน เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เหลือ
แม้คุณจะสามารถดูแลทำความสะอาดผ้าปูที่นอน ผ้านวม และปลอกหมอนอยู่สม่ำเสมอ การซักแห้ง ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพ ทั้งยังง่ายและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณอีกด้วย นอกจากนี้ยังทำให้คุณรู้สึกปลอดภัยจากแบคทีเรียอีกด้วย
กระบวนการซักแห้งนั้นจะใช้ตัวทำลายสารเคมีร่วมด้วย โดยทั่วไปจะมีการใช้สารเคมีที่ชื่อว่า เตตราคลอโรเอทธิลลีน (Tetrachloroethylene) สารเคมีชนิดนี้จะทำหน้าที่เหมือนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่คอยต้านเชื้อแบคทีเรีย คุณจึงมั่นใจได้ว่าผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และผ้านวมของคุณจะถูกผ่านการฆ่าเชื้อและทำความสะอาดอย่างสมบูรณ์แบบ
ขอขอบคุณ
ข้อมูล :สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย
เรียบเรียงโดย : Sanook.com
ภาพ :freepik.com
Home's Tips
![](uploads/content/2020/06/o_1eb8a8snq1qmvhca18euhtnfd7k.jpg)
เธอมากับฝน...โรคในหน้าฝน
โรคภัยที่มักจะมาพร้อมกันในช่วงหน้าฝนนี้ด้วย มาดูซิว่ามีโรคอะไรบ้าง ที่เราจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
![](uploads/content/2020/06/o_1ear6dbh8svf5cdclo1bo0uacg.jpg)
"ผ้าปูที่นอน" ควรเปลี่ยนบ่อยแค่ไหน เพื่อสุขภาพที่ดี
ผ้าปูที่นอน ถืออีกสิ่งหนึ่งที่เราจำเป็นจะต้องใช้เป็นประจำทุกวัน วันนี้มีเรื่องเกี่ยวกับผ้าปูที่นอนมาฝากกัน
![](uploads/content/2020/06/o_1eajv64k86l11e91eub1ba61pnmh.jpg)
วิธีดูแลบ้านให้พร้อมต้อนรับการมาของ “หน้าฝน”
การดูแลตรวจสอบให้ดีโดยเฉพาะในหน้าฝนแบบนี้จะได้ไม่มีปัญหามากวนใจในภายหลัง ซึ่งวิธีดูแลก็ไม่ยากจะทำเองก็ได้
Home's Tips..
-
การปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมอาคารในการขออนุญาตต้องทำอย่างไร⁉️
-
หลังคารั่ว ปัญหาที่มาตามนัดเมื่อถึงหน้าฝน ถ้าไม่อยากเจ็บซ้ำต้องทั้งแก้ไขและป้องกันให้ถูกจุด
-
เลือกถังแก๊สอย่างไรให้เหมาะกับบ้าน
-
เธอมากับฝน...โรคในหน้าฝน
-
"ผ้าปูที่นอน" ควรเปลี่ยนบ่อยแค่ไหน เพื่อสุขภาพที่ดี
-
วิธีดูแลบ้านให้พร้อมต้อนรับการมาของ “หน้าฝน”
-
ที่ดินหน้าแคบกับแบบบ้านจาก “พีดีเฮ้าส์”
-
น้องแมวใครไม่รู้แอบเข้าบ้าน รับมืออย่างไรดี
-
5 วิธีแก้ปัญหา “เสื้อผ้าเหม็นอับ” ช่วงหน้าฝน