ทิศทาง Food Industry
หลังวิกฤตเมลามีน โลกทั้งโลก ตกอยู่ในภวังค์ และสิ่งที่ตามมาก็คือ การมองหาอาหารที่ได้รับการรับรองมาตราฐานอาหารปลอดภัยหรือ Food Safety จนทำให้ Food Safety กลายเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้สำหรับสินค้าประเภทอาหารทุกแบรนด์จะต้องมี ส่วนแนวโน้มที่มาแรงตีคู่กันมาอีกอย่างก็คือ เรื่องของ Global Warming ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคทั่วโลกกำลังให้ความสใจ เพราะสิ่งแวดล้อมกลายเป็นปัญหาใหญ่ของโลกที่สมาชิกที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ ต้องให้ความใส่ใจในการดูแลร่วมกัน
หลังวิกฤตเมลามีน โลกทั้งโลก ตกอยู่ในภวังค์ และสิ่งที่ตามมาก็คือ การมองหาอาหารที่ได้รับการรับรองมาตราฐานอาหารปลอดภัยหรือ Food Safety จนทำให้ Food Safety กลายเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้สำหรับสินค้าประเภทอาหารทุกแบรนด์จะต้องมี ส่วนแนวโน้มที่มาแรงตีคู่กันมาอีกอย่างก็คือ เรื่องของ Global Warming ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคทั่วโลกกำลังให้ความสใจ เพราะสิ่งแวดล้อมกลายเป็นปัญหาใหญ่ของโลกที่สมาชิกที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ ต้องให้ความใส่ใจในการดูแลร่วมกัน
![](/pic/Image/Slide1_1(2).jpg)
การเกิดปรากฎการณ์ดังกล่าว กลายเป็นหัวข้อสำคัญที่ทำให้ผู้ผลิตชาวไทย ต้องหันมามองถึงการเป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของสิ่งแวดล้อม ที่ไม่เพียงแค่การทำกิจกรรมด้านซีเอสอาร์ แต่มองถึงกระบวนการผลิตทั้งกระบวนการ ทำให้ผู้ผลิตและเจ้าของแบรนด์สินค้าในหมวดอาหารแต่ละราย เริ่มมีการลงมือทำกันอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากในเรื่องชองการลดคาร์บอนยูนิตในการผลิต
“ฉลากคาร์บอน” ถูกนำเข้ามาป็นส่วนหนึ่งในการสร้างกระแสการใส่ใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อมของผู้ผลิตชาวไทยโดยมีผู้ประกอบการนำร่องที่ได้รับการติดฉลาก Carbon Footprint จากองค์กรการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกแห่งประเทศไทย (TGO) 25 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมทีเกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 1 ใน 3 ประเทศไทยที่ถือเป็นผู้ผลิตอันดับต้นๆ ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของโลก จึงต้องให้ความสำคัญในเรื่องของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และตัวฉลากคาร์บอนนี้ จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่แสดงถึงการรับผิดชอบต่อสังคมโลกที่ดีของไทย
![](/pic/Image/Slide1_2(1).jpg)
ในรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของ “ฉลากคาร์บอน” (Carbon Label) นั้น ถือเป็นสัญลักษณ์ที่นำไปติดบนสินค้าเพื่อให้ผู้บริโภครับรู้ว่า สินค้าที่ติดฉลาก มาจากกระบวนการผลิตที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
สินค้าที่จะผ่านเกณฑ์จนได้รับการติดฉลากนั้นผ่านการประเมิณใน 2 ประเภทด้วยกันคือ การประเมิณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งวงจรการผลิต (Life cycle Assessment: LCA) ซึ่งจะประเมิณตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบ การขนส่ง การผลิต การบรรจุภัณฑ์ และการใช้งานจนถึงการกำจัดของเสียที่เกิดขึ้น
ส่วนอีกประเภทก็คือ การประเมิณจากปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต(Production Stage) เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกซื้อสินค้าที่ช่วยลดภาวะโลกร้อนให้แก่ผู้บริโภค
สินค้าหลายๆ ตัวที่มีการผลิตโดยใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ เริ่มมีการนำเรื่องฉลากคาร์บอน เข้ามาเป็นจุดขายสำคัญในฐานของการเป็นสินค้าที่ผ่านกระบวนการผลิตที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
“ฉลากคาร์บอน” น่าจะเป็นสิ่งแรกที่ผู้ผลิตใช้เป็นหัวข้อในการ Educate ผู้บริโภคชาวไทยให้ Concern ถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม ขณะที่การใช้วัสดุทดแทนจากธรรมชาติ เข้ามาแทนที่ วัตถุกดิบที่ก่อให้เกิดปัญหามลภาวะ จะกลายเป็นอีกหัวข้อสำคัญที่ถูกพูดถึงกันมกาขึ้น
“พรานทะเล มีการจ้างบริษัทที่ปรึกษาเข้ามาช่วยในการวางระบบการผลิต เพื่อให้สามารถลดคาร์บอนยูนิตในขั้นตอนการผลิต โดยจะใช้เวลาจัดระเบียบในเรื่องที่ว่านั้น 3 เดือน หลังจากนั้น จะเริ่มกระบวนการในเรื่องของการลดคาร์บอนยูนิตจากการผลิตได้รางกลางปีเป็นต้นไป ในฐานะที่กลุ่มยูเนียนโฟว์เซ่นโปรดักส์ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของพรานทะเล เป็นผู้ผลิตอาหารแช่เเข็งรายใหญ่ที่มีการส่งออกไปยังหลายตลาดทั่วโลก จำเป็นต้องมองถึงเทรนด์ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และหยิบเอาเป็นส่วนหนึ่งของสินค้า ซึ่งเรามองว่า ในเรื่องของอาหารนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพ หรืออาหารปลอดภัย แต่ต้องมีเรื่องของสิ่งแวดล้อมด้วย”
Global Warming กำลังเป็นกระแสที่มาแรงมากๆ โดยเฉพาะกับในโลกตะวันตก ที่ผู้บริโภคจะเลือกซื้อแต่สินค้าที่มีการทำในเรื่องดังกล่าว และผลักดันให้ร้านค้าปลีกต้องเลือกสรรแต่สินค้าที่ไม่ทำลายธรรมชาติเข้ามาวางขาย แรงพลักดันดังกล่าว ทำให้เจ้าของแบรนด์สินค้ารายใหญ่ๆ ของโลก เริ่มหันมาทำในเรื่องดังกล่าวนี้มากขึ้น คุณอนุรัตน์ ยกตัวอย่างถึงเชนสินค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของโลกอย่างวอลมาร์ท ให้เห็นว่า เชนค้าปลีกรายนี้ เริ่มมีการกำหมดมาตราฐาน ACC ขึ้นมา และให้ด่วกับสินค้าแต่ละที่มีการทำเรื่องนี้ โดยจะมีการเข้ามาตรวจสอบกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นทางคือฟาร์ม จนถึงสินค้าออกสู่ตลาดและวางบนเชลฟ์สินค้าของตัวเอง
“ก่อนหน้านั้น เขาจะแค่มาตรวจที่โรงงานว่ามีมาตราฐานตามที่ตั้งไว้ไหม โดยเฉพาะในเรื่องของมาตราฐานอาหารปลอดภัย แต่ในปัจจุบันเขาเริ่มมาดูลึกลงไปว่าในแต่ละขั้นตอนของการผลิตมีการทำลายสิ่งแวดล้อมด้วยหรือเปล่า ตรงนี้เป็นแนวโน้มที่เห็นได้ชัดเจนมากขึ้น ทำให้ผู้ผลิตต้องหันมาให้ความสำคัญทั้งการปฏิบัติในเรื่องของการผลิตและการทำการตลาด ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของGreen Concept โดยเขาจะดูว่า ผู้ผลิตรายนั้นๆ ใส่ใจในกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือไม่อย่างไร ไม่เพียงเท่านั้น การทำการตลาดในเชิงชองการใส่ใจในสิ่งแวดล้อมก็มีส่วนที่เข้ามาช่วยให้สินค้าที่ผลิตและส่งออกไปจำหน่ายเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค”
แม้กระแสในเรื่องของ Global Warming ที่เกิดขึ้นนี้ยังก่อตัวขึ้นไม่เต็มรูปเต็มร่างนักในบ้านเรา ขณะที่ผู้บริโภคชาวไทยเอง ยงัให้ความสำคัญกับเรื่องของ Global Warming ไม่มากเท่ากับประเทศตะวันตก แต่ผู้ผลิตและเจ้าของสินค้าแบรนด์ดังทั้งที่เป็นของคนไทยเอง และที่เป็นแบรนด์นะดับโลกต่างก็หันมาให้ความสำคัญและกระตุ้นให้เกิดการตระหนักถึงเรื่องดังกล่าวอย่าเต็มที่ อย่างในกรณีของ โค้ก ที่เริ่มเข้ามาทำในเรื่องที่ว่านี้ ด้วยการนำตู้แช่ที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าไม่มากนักเข้ามาใช้กับร้านค้าของตัวเองเพื่อร่วมเป็นหนึ่งในการช่วยลดปัญหาโลกร้อน
“ผู้ผลิตเอง คงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องที่กำลังเป็นกระแสของโลกอย่างเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
![](https://pd.co.th/pic/Image/Slide1_3(1).jpg)
สิ่งที่น่าจะยังคงเป็นปัญหาสำหรับการทำตลาดโดยนำเรื่องของสิ่งแวดล้อมเข้ามาเป็นหัวใจสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ต้นทุนในการผลิตที่เพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างของการใช้แพ็กเกจจิ้งที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม จะมีต้นทุนสูงกว่าแพ็กเกจจิ้งแบบปกติราว 10-20% ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้ผู้บริโภคจะยอมรับได้หรือไม่ ซึ่งคุณ อนุรัตน์มองว่าการนำเรื่องของสิ่งแวดล้อมเข้ามาเป็นส่วนผสมหนึ่งในกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมอาหาร ต้องเป็นความร่วมมือกันของผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรม ไล่ตั้งแต่คนผลิตวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิต ผู้ผลิตแพ้กเกจจิ้งเอง หรือแม้แต่ตัวร้านค้าที่ต้องเข้ามามีส่วนร่วมแบบทั้งกระบวนการ หรือแม้แต่ตัวร้านค้าที่ต้องเข้ามามีส่วนร่วมแบบทั้งกระบวนการ ไม่ใช่แค่ตัวโปรดักซ์เพียงอย่างเดียว
เพราะการขยับตัวเพื่อก้าวสู่การเป็น Green Company จะกลายเป็นหัวใจของการทำธุรกิจในยุคใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เรื่องโดย สมบุญ รุจิขจร
จากหนังสือ BrandAge ปีที่ 11 ฉบับที่ 2 กุมภาพันธ์ 2553 GREEN BRAND EFFECT
Save Energy, Love the Earth
![](uploads/content/2014/12/o_1991ed8dq8ufbs1vfnr1tcha.jpg)
สารพัดวิธีประหยัดไฟ ลดใช้พลังงาน... ช่วยคุณ ช่วยโลก
8 วิธี ประหยัดไฟ ลดใช้พลังงานในบ้าน
![](uploads/content/2014/12/o_198hn8clo1qtk18vj39cnr2179fa.jpg)
จับกระแสโลกร้อนใส่อาหาร
ทิศทาง Food Industry หลังวิกฤตเมลามีน โลกทั้งโลก ตกอยู่ในภวังค์ และสิ่งที่ตามมาก็คือ การมองหาอาหารที่ได้รับการรับรองมาตราฐานอาหารปลอดภัย
![](uploads/content/2014/12/o_198hmtgliell1r101buu1fik1ohta.jpg)
Green Packaging
ปัจจุบันประชากรชาวไทยทิ้งขยะประเภทบรรจุภัณฑ์ปีละ 4,500 ,000 ตัน คิดเป็น 31% ของขยะมูลฝอยทั้งหมด และมีเพียง 19% ของขยะเท่านั้นที่ถูกนำไปรีไซเคิล
Save Energy, Love the Earth..
-
การออกแบบ "หน้าต่างและกันสาด" ให้ประหยัดพลังงาน
-
การออกแบบบ้านให้ประหยัดพลังงาน
-
วิธีประหยัดน้ำมัน
-
สารพัดวิธีประหยัดไฟ ลดใช้พลังงาน... ช่วยคุณ ช่วยโลก
-
จับกระแสโลกร้อนใส่อาหาร
-
Green Packaging
-
ทำบ้านให้ ประหยัดพลังงาน
-
เครื่องทำน้ำร้อน แบบใหม่ “Solar Heater”
-
การประหยัดพลังงาน "เครื่องใช้ไฟฟ้า" (เครื่องทำน้ำอุ่นไฟฟ้า)