หน้าแรก / สาระน่ารู้ / เกร็ดความรู้
เกร็ดความรู้
หน้าแรก / เกร็ดความรู้

บ้าน คือ ความสมบูรณ์แบบของชีวิตครอบครัว

Line

บ้าน คือ ความสมบูรณ์แบบของชีวิตครอบครัว

Line

บ้าน คือ ความสมบูรณ์แบบ
ของชีวิตครอบครัว

      เปิดบ้านสไตล์โมเดิร์น ทายาทสนามกอล์ฟกรุงกวี วัย 36 ปี  ผู้ที่เชื่อว่าบ้านที่ดีต้องเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติ  เพราะแสดงถึงความสมบูรณ์แบบของชีวิตครอบครัว คุณอรินฒม์ เหวียนระวี

      สำหรับผู้ที่มีต้นทุนชีวิตหนา และผู้ที่รู้จักวางแผนชีวิตได้เป็นอย่างดี การมีบ้าน 1 หลัง  ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การจะใช้ชีวิตคุณภาพในบ้านหลังนั้นตลอดชีวิต  จนรุ่นลูกรุ่นหลานต่างหากที่เป็นสิ่งที่ต้องคำนึง และพิถีในการเลือกให้มากที่สุด

      คุณอรินฒม์ เหวียนระวี หรือคุณออม รองกรรมการบริหาร บริษัท กรุงกวี จำกัด  ซึ่งตั้งอยู่บน จุดตัดของถนนสายหลัก 2 สาย ถนนรังสิต-นครนายก และจุดขึ้น-  ลงถนนวงแหวนตะวันออก บางนา – รามอินทรา – บางปะอิน  ใช้เวลาเดินทางจากใจกลางเมืองโดยเส้นทางทางด่วนพิเศษฉลองรัช เพียง 30 นาที  รวมถึงสามารถเชื่อมต่อทางพิเศษ ทางด่วนทุกสายในกรุงเทพมหานคร  ก็ให้ความสำคัญกับความสมบูรณ์แบบของชีวิตครอบครัวเช่นกัน

      ทายาทสนามกอล์ฟกรุงกวี มองว่า นอกจากแบบบ้านที่ชอบ  การออกแบบตกแต่งที่ใช้ได้จริงแล้ว สิ่งแวดล้อม ก็เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับครอบครัว  เพราะเราไม่ได้สร้างบ้านเพื่ออยู่อาศัยเท่านั้น  แต่เราสร้างบ้านเพื่อยกระดับมาตรฐานชีวิตครอบครัวให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

   “ผมเองโชคดี ที่คุณพ่อ (คุณกนก เหวียนระวี)รักต้นไม้มาก  ท่านฟื้นฟูดูแลพื้นที่ที่เป็นมรดกตกทอดนับพันไร่ ให้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติพันธุ์ไม้  มานานกว่า 20 ปี ที่นี้นอกจากจะตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวกที่สุดแล้ว  ยังจัดเป็นโซนที่อากาศดีที่สุดอีกด้วยครับ

   ถ้านับตั้งแต่วันที่เริ่มทำแบบ ผมเริ่มปลูกบ้านหลังแรกของชีวิต เมื่อกลางปี 2010  ลงทำจริงๆ ก็ราวๆต้นปี 2011 แล้วเสร็จเมื่อปี 2013 นี่เอง สาเหตุที่ใช้เวลาทำนาน  เพราะทำๆหยุดๆ ครับ (หัวเราะ) เนื่องจากบ้านหลังนี้ผมทำเองหมด ตั้งแต่ตีผัง ตอกเข็ม ฐานรากโครงสร้าง ฯลฯ


















      จะว่าไปแล้ว บ้านหลังนี้ถูกสร้างขึ้นโดยสถาปนิกหลากสาขาก็ว่าได้นะครับ  เพราะมีอาจารย์ที่จุฬาฯ ดูแลด้าน Interior และ Lighting ขณะที่ Landscape  คุณพ่อของผมวางผังให้ทั้งหมด ส่วนผมดูแลเรื่อง Engineer

      ความที่หลงใหลสไตล์โมเดิร์น ชื่นชอบความเรียบง่าย ไม่ชอบหลังคาจั่ว ไม่ต้องมีบัว  ไม่ต้องมีเท้าแขน และไม่ต้องการรายละเอียดที่เยอะเกินความจำเป็น คุณอรินฒม์  จึงแจ้งความต้องการกับสถาปนิกว่า บ้านที่เขาฝันต้องสามารถถ่ายเทอากาศได้  และต้องไม่เปิดไฟเวลากลางวัน ที่สำคัญต้องใช้งานได้จริงๆ เพราะไม่ได้ทำบ้านเพื่อโชว์

      “สำหรับผมการเลือกสถาปนิก และการสื่อสารกับสถาปนิก เป็นเรื่องสำคัญมาก  เพราะสถาปนิกไม่ใช่แค่คนวาดรูปเล่นในกระดาษเท่านั้น แค่เราสื่อสารว่า เราชอบอะไร  อยากได้ฟังก์ชั่นแบบไหน พวกเขาก็ช่วยคิดฟังก์ชั่นเผื่อเราครับ”
      แทบไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่เขา และภรรยา ขอกับสถาปนิกเป็นจริงทุกประการ  เพราะทันทีที่ผมเริ่มออกสำรวจบ้านสไตล์โมเดิร์น ผสานคอนเทมโพรารี 2 ชั้น  บนพื้นที่รวมกว่า 2 ไร่ ซึ่งกันส่วนพื้นที่ใช้สอยทั้งภายนอก และภายในบ้านกว่า 1,000 ตร.ม.  ก็พบว่า ถึงบ้านหลังนี้จะถูกถ่างออกเต็มพื้นที่ แต่โครงสร้างหลักๆ อย่าง คอนกรีต กระจก  และไม้ กลับให้ความรู้สึกถึงความเป็นอิสระอย่างน่ามหัศจรรย์
 
       
 
      “คุณพ่อบอกว่าไหนๆจะทำบ้านแล้ว ก็อยากให้ทุกห้องในบ้าน สามารถรับวิวได้เต็มที่บ้านหลังนี้แถบไม่มีผนังแชร์กัน เพราะเราจะแยกออกมาเป็นก้อน ๆ  ซึ่งลักษณะดังกล่าวต้องสร้างที่กรุงกวีเท่านั้นนะครับ ที่นี่ฝุ่นน้อย  เพราะต้นไม้รอบๆสนามกอล์ฟ ช่วยทำหน้าที่เป็นกำแพงซับฝุ่น และซับแสงแดดได้เป็นอย่างดี  ถ้าสร้างในเมือง มีช่องเปิด และช่องรับแสงเยอะ ก็คงเจอแต่ฝุ่นมลพิษครับ”
















      
      คุณอรินฒม์ เลือกใช้โทนสีเทา แทนสีขาว  เพราะต้องการให้บ้านกลมกลืนไปกับต้นไม้รอบๆมากกว่าให้ตัวบ้านโดดเด่นจนเตะตาคนที่ผ่านไปผ่านมา ความที่เติบโตมากับบ้านที่มีฝ้าสูง ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง จึงเลือกประตูไม้  หน้ากว้าง 1.60 เมตร สูงเกือบ 3 เมตร แบบจุดหมุนบนล่าง ซึ่งสามารถเปิดค้างได้  เป็นปราการด่านสุดท้ายก่อนเข้าสู่ตัวบ้าน

      หลังประตูบานใหญ่ เมื่อมองทะลุบ้านกระจกใส  ที่สามารถเปิดออกไปด้านนอกเป็นบ่อปลาทอง ถัดไปแค่สะพานไม้กั้น  เป็นบ่อปลาคราฟท์ขนาดใหญ่ เลยไปจากนั้นเป็นสนามหญ้า สระบัว กลุ่มต้นตาล  และวิวสนามกอล์ฟสีเขียวขจีไกลสุดสายตา  ฝั่งซ้ายมือ เป็นห้องรับแขกขนาดใหญ่ มีชานโล่งกว้าง ซึ่งเจ้าของบ้าน  ตั้งใจว่าจะทำเป็นห้องรับแขกเอาต์ ดอร์ หรือไม่ก็พื้นที่ปาร์ตี้  ไว้สังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนๆโดยไม่ต้องกลัวรบกวนคนที่นอนอยู่ชั้นบน  ด้วยความที่อยู่ในกรุงกวี ทุกห้องของบ้านหลังนี้จึงสามารถมองเห็นสีเขียว  และสามารถเปิดรับแสงแดด และสายลมได้เหมือนๆกัน สุดทางเดินด้านซ้าย  เป็นห้องนอนแขกขนาด 2 Beds พร้อมเครื่องอำนวยความสะดวกที่เรียบง่าย แต่ครบครัน  ขณะที่โครงสร้างด้านขวามือ ประกอบไปด้วยห้องนั่งเล่นกระจกใส  ที่สามารถมองเห็นครบ 360 องศา ด้วยเพดานที่สูง ประกอบกับการใช้กระจกใส  มาเป็นองค์ประกอบหลัก ทำให้ห้องนั่งเล่น ห้องนี้ชวนให้นั่งทอดสายตามาก

















     
      ไม่เพียงใช้บริการแสงจากธรรมชาติ  ที่ผ่านการกรองแสงมาเป็นอย่างดีจากกลุ่มต้นไม้รอบๆตัวบ้านเท่านั้น เพียงปลดล็อกบานกระจกใสออก สายลมเย็นๆ และเสียงนกหลากหลายสายพันธุ์  รวมถึงกลิ่นหอมอ่อนๆจากหญ้า และดอกไม้นับร้อยชนิด ที่
อ.กนก เหวียนระวี  คัดสรรมาปลูกไว้เมื่อกว่า 20 ปี ก็กำนัลให้คนที่รักธรรมชาติ รู้สึกสดชื่นมากเป็นพิเศษแล้ว

      “ผมต้องการให้ทุกส่วนในบ้านหลังนี้ใช้พลังงานน้อยที่สุด เชื่อหรือไม่ว่าในเวลากลางวัน  บ้านหลังนี้ไม่จำเป็นต้องเปิดไฟ หรือเปิดแอร์เลยครับ แค่เปิดประตู หน้าต่าง  ลมก็จะพัดผ่านเข้ามาทุกทิศทาง แค่นี้ก็ทำให้บ้านเย็นสบาย และประหยัดด้วยครับ”
คุณอรินฒม์  เผยความตั้งใจแรกในการสร้างบ้านหลังนี้ให้ฟังอีกครั้ง

      ถัดจากห้องนั่งเล่น เป็นห้องรับประทานอาหารขนาด 10-14 ที่นั่ง  เพื่อให้ความรู้สึกเป็นส่วนเดียวกับห้องนั่งเล่น ด้านข้างกั้นด้วยบานกระจกใส  ขณะที่ด้านหลังเชื่อมต่อกับบริเวณสวน และสระบัวขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถเปิดรับสายลม  และแสงแดดระหว่างวัน ได้เฉกเช่นห้องอื่นๆ

      ตรงข้ามห้องรับประทานอาหาร เป็นห้องครัวสไตล์โมเดิร์น  ที่ยังคงสไตล์การตกแต่งที่เรียบง่าย เหมาะสำหรับวันหยุดพักผ่อนเบาๆ กับครอบครัว  และกลุ่มเพื่อนสนิท ซึ่งสามารถเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้ด้วยการสไลด์ประตูบานเลื่อนเท่านั้นเอง

      ที่อยู่แถวเดียวกับห้องรับประทานอาหาร เป็นห้องสมุดส่วนตัว ที่คุณอรินฒม์  สะสมหนังสือที่น่าอ่านไว้มากมาย นอกเหนือจากการค้นคว้า และศึกษาเรื่องที่สนใจแล้ว  หนังสือยังเป็นส่วนแห่งแรงบันดาลใจ ในการสร้างบ้านสไตล์โมเดิร์น ที่ประหยัดพลังงาน  หลังนี้อีกด้วย

      “การเดินทางทำให้ผมได้แรงบันดาลใจในการสร้างบ้านก็จริง แต่ไม่ทั้งหมดนะครับ  เพราะแรงบันดาลใจส่วนใหญ่ของบ้านหลังนี้มาจากหนังสือที่ผมอ่านครับ” เขาเผย  พร้อมกับบอกว่า “ไม่เพียงแค่แรงบันดาลในการสร้างบ้านเท่านั้นหรอก  ผมว่าหนังสือดีๆสามารถสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตด้วยครับ  สำหรับผมการอ่านหนังสือสำคัญมาก ผมจึงเลือกสร้างห้องสมุดไว้ในบ้าน เพื่อค้นคว้า  และอ่านในสิ่งที่ผมสนใจ”













     




      ตรงข้ามกับห้องสมุด เป็นห้องควบคุมไฟ และห้องซักรีดตามลำดับ  ถ้าสังเกตจะพบว่าทุกมุมของบ้านหลักนี้นอกจากสอดแทรกไปด้วยธรรมชาติอย่างลงตัว  และกลมกลืนแล้ว ยังแต้มแต่งไปด้วยภาพครอบครัวที่แสนอบอุ่น

      อีกหนึ่งเสน่ห์ของบ้านหลังนี้คงเป็นบันไดที่ให้ความรู้สึกบางเบา และหนักแน่น  ที่ทอดจากชั้น 2 ไม่อยากกลมกลืน และลงตัว เพราะเวลาในการทำงานระหว่างคุณอรินฒม์  และภรรยา ไม่ตรงกัน บางคืนที่ต้องทำงาน หรืออ่านหนังสือดึกๆ  ขณะที่ภรรยาต้องทำงานแต่เช้า คุณอรินฒม์ จึงตั้งใจสร้างห้องนอน  เชื่อมต่อที่ยังมีความเป็นส่วนตัว และสามารถพักผ่อนโดยไม่รบกวนได้ในเวลาเดียวกัน
ชั้นสองจึงมี 2 ห้องนอน ห้องเล็ก 1 ห้อง และห้องใหญ่ 1 ห้อง

      ในฐานะผู้ควบคุมการก่อสร้างภายในกรุงกวีทั้งหมด คุณอรินฒม์  เผยความรู้สึกผ่านรอยยิ้ม ของคืนแรกหลังจากทุ่มเทลงมือลงแรงทำบ้านหลังนี้ด้วยตัวเองว่า  “ถึงตรงนี้ผมว่าผมเข้าใจลูกค้า ที่เดินเข้ามาขอบคุณผม หลังจากที่ผมปลูกบ้านให้เขา  และครอบครัวได้อาศัยแล้วครับว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร”
 

ที่มา : นิตยสารโฮม แอนด์ รีสอร์ต
ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์
เราสร้างบ้านเพื่ออนาคต

Line