หน้าแรก / สาระน่ารู้ / เกร็ดความรู้
เกร็ดความรู้
หน้าแรก / เกร็ดความรู้

Tuscany (Part 1)

Line

Tuscany (Part 1)

Line
        ลองหลับตานึกถึงบ้านแบบชนบท บนระเบียงมองไปถึงทิวเขาเป็นฉากหลัง เบื้องหน้ามีไร่องุ่น กับโรงนาเล็กๆ ขณะที่กำลังนั่งจิบไวน์ยามพระอาทิตย์ตก สิ่งที่นึกถึงต่อมาแน่นอนว่าต้องเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามต้นแบบทัสคานี ประเทศอิตาลี อันเป็นที่นิยมในบ้านเรามาตลอดระยะเวลาทศวรรษที่ผ่านมา เป็นงานสถาปัตยกรรมที่แสดงถึงความหรูหรา แสดงถึงฐานะทางสังคม แต่แท้ที่จริงแล้วงานสถาปัตยกรรมแบบทัสคานีชนบทนี้ถูกพัฒนามาจากกระท่อมปลายนาทางตะวันตกของอิตาลีที่มีวิถีชีวิตเรียบง่าย สังคมทางการเกษตรแบบดั้งเดิม ทำฟาร์ม ปลูกองุ่น ปลูกพืชผักท้องถิ่นยาวสุดลูกหูลูกตา เรามาทำความรู้จักกับทัศคานีและสถาปัตยกรรมแบบทัสคานีกัน

        ชาวอิตาลีเรียกชื่อแคว้นนี้ว่า "ตอสกานา" (Toscana) แต่ภาษาอังกฤษเรียกชื่อแคว้นนี้ว่า "ทัสคานี" (Tuscany) เป็นหนึ่งใน 20 แคว้นของสาธารณรัฐอิตาลี มีเมืองฟลอเรนซ์เป็นเมืองหลวง แคว้นทัสคานีถือเป็นต้นกำเนิดยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาหรือยุคเรอเนซองซ์ มีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์  ศาสนา วัฒนธรรม ศิลปกรรม สถาปัตยกรรม และอุตสาหกรรมของประเทศอิตาลี เราจะได้ยินชื่อศิลปินเอกแห่งยุคชื่อดังหลายท่านเช่น “ไมเคิล แองเจโล” “ลีโอนาร์โด  ดาวินชี” “วิลเลี่ยม เชคสเปียร์” ซึ่งล้วนแล้วแต่มีต้นกำเนิดจากเมืองฟลอเรนซ์ทั้งสิ้น ผลงานของท่านทั้งหลายเหล่านี้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก อีกทั้งยังถือเป็นต้นกำเนิดนักคิดนักประดิษฐ์ ประติมากร สถาปนิก วิศวกร และนักวางผังเมืองอีกด้วย
 
 
 
  
 

        ทัสคานีเป็นแคว้นที่มีฤดูร้อนยาวนานกว่าในบริเวณอื่น คือมีอุณหภูมิเฉลี่ย 30-32 °C ตั้งแต่ประมาณเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนตุลาคม และจะมีฝนตกในเดือนพฤศจิกายน ด้วยสภาพอากาศเช่นนี้ทำให้ทัสคานีมีพื้นที่ทางการเกษตรที่เหมาะจะเพาะปลูกพืชผักบางชนิดอย่าง พืชตะกลูถั่ว ผัก เห็ด และองุ่น เป็นต้น

        แคว้นทัศคานีขึ้นชื่อว่ามีทิวทัศน์ที่งดงาม สภาพพื้นที่เป็นเนินเขาสูงๆ ต่ำๆ มีความสูงระหว่าง 50-200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล  มีประชากรและความเป็นอยู่ที่หนาแน่นตามหัวเมือง ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางการเกษตรเป็นหลัก เราจะพบบ้านพักอาศัยที่กระจายตัวอยู่ในชนบทบนเนินเขาสลับกับฟาร์มและไร่ เป็นทิวทัศน์ที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง ไม่แปลกใจเลยที่การท่องเที่ยวในแคว้นนี้ส่วนใหญ่จะป็นการท่องเที่ยวเพื่อชมศิลปวัฒนธรรม และชมทิวทัศน์ทางชนบทหรือวิถีชีวิตทางการเกษตร แคว้นทัสคานีมีโรงแรมทั้งหมดกว่า 11,000 แห่ง การตั้งแคมป์และการพักที่ฟาร์มเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากกว่า 40 ล้านคนต่อปี ซึ่งทางแคว้นก็ได้ลงทุนใช้จ่ายกับการทำให้บริการต่างๆ มีคุณภาพมากขึ้น มีการพัฒนาปรับปรุงระบบคมนาคมขนส่งตามหัวเมืองเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม นอกจากทิวทัศน์ชนบทบนเนินเขาสลับกับฟาร์มและไร่แล้ว บางส่วนของแคว้นยังติดกับทะเล ถือเป็นความโดดเด่นในด้านความสวยงามของภูมิทัศน์ซึ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่อีกด้วย

        นอกจากเรื่องศิลปวัฒนธรรมและวิวทิวทัศน์ที่มีส่วนสำคัญในแคว้นทัศคานีแล้ว ยังมีเรื่องอาหารและไวน์ที่เป็นที่กล่าวขานว่าเป็นส่วนสำคัญอันป็นเอกลักษณ์ที่ทุกคนที่ไปถึงต้องลอง เนื้อสัตว์สายพันธุ์พื้นเมืองหายากของทัสคานีอย่าง ไก่ดำ และหมูพันธุ์ Cinta Senese ซึ่งเลี้ยงด้วยวัตถุดิบชั้นดี ทำให้เนื้อหมูที่ได้มีรสชาติเข้มข้น อาหารสไตล์ทัสคานีมุ่งเน้นการดึงรสชาติดั้งเดิมของวัตถุดิบ ปรุงด้วยสูตรของอิตาลีแท้ นอกจากนี้ยังมีไวน์ชั้นยอดที่บ่มจากชนบทเช่น ไวน์คาร์มินยาโน่ (Carmignano) ไวน์ซานโจเวเซ่-เบส (Sangiovese-based) ไวน์เคียนติ (Chianti) หรือไวน์โมเรลลิโน่ ดิ สคันซาโน่ (Morellino di Scanzano) ไวน์บอนเชียรี่ (Bolgheri) อาหารและไวน์เหล่านี้ทำให้ทัศคานีถือเป็นเป็นสวรรค์ของนักชิม

 
  
 

        ฉบับนี้เราพูดถึงส่วนสำคัญและเอกลักษณ์ของแคว้นทัศคานีไปแล้ว ในฉบับต่อไปเราจะมาพูดถึงเรื่องหลักของสถาปัตยกรรมทัศคานี ซึ่งต้องกล่าวถึงตั้งแต่การวางผังอาคารทั้งภายในและภายนอก ที่สำคัญด้วยคุณลักษณ์ของสภาพอากาศและสภาพทางสังคมในยุคแรกๆ อาคารที่เกิดขึ้นเป็นอาคารที่ปิดจากด้านนอก สังเกตได้จากอาคารที่ทึบและมีช่องเปิดที่น้อย ด้วยเหตุผลของความปลอดภัยของตัวอาคารที่ใช้ป้องกันภัยจากภายนอกและป้องกันแดดและลมจากสภาวะอากาศที่มีช่วงฤดูร้อนที่ยาวนาน แต่ในอาคารนั้นมีการสร้างพื้นที่ที่เป็นลาน (court) อยู่กลางพื้นที่ด้านใน เพื่อใช้เป็นระบบระบายอากาศภายในให้อากาศร้อนระบายออกได้ดี อาคารจึงให้ความรู้สึกที่เย็นในช่วงฤดูร้อน และยังสามารถป้องกันความหนาวในช่วงฤดูหนาวได้ด้วย มีหอคอยเล็กๆ ที่เป็นปล่องควันจากเตาผิงที่ใช้ในช่วงฤดูหนาวซึ่งสามารถใช้เป็นปล่องลมเพื่อระบายความร้อนในฤดูร้อนได้เช่นกัน แนวคิดที่ถูกพัฒนาจนสืบต่อมาเหล่านี้ถือเป็นภูมิปัญญาในการก่อสร้างอาคารให้ทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ และทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยอยู่ได้อย่างสบายในทุกฤดูกาล ติดตามต่อได้ในคอลัมน์ Architecture World ฉบับหน้าครับ

 
ที่มา : นิตยสารโฮม แอนด์ รีสอร์ต
ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์
เราสร้างบ้านเพื่ออนาคต

Line