“งานสถาปัตยกรรมที่มีคุณค่า
จะบอกเล่าเรื่องราวผ่านรายละเอียดและองค์ประกอบที่สมบูรณ์”
หากกล่าวถึงงานสถาปัตยกรรม และการตกแต่งภายในที่มีลักษณะเฉพาะ แสดงถึงอารยะธรรมอันเก่าแก่และยาวนาน ที่แฝงความเชื่อของศาสนา ผ่านสีสันบ้านเรือนที่วิจิตร สถาปัตยกรรมแบบ Moroccan Style เป็นรากฐานของ Moorish architecture ซึ่งกำเนิดจากชาวมัวร์ (Moors) หมายความถึงชนชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ที่คาบสมุทรไอบีเรีย และแอฟริกาเหนือ ซึ่งเดิมเป็นชนชาวอาหรับ น่าจะเป็นเลือกอันดับต้นๆที่หลายคนนึกถึง
มรดกทางสถาปัตยกรรมเหล่านี้ พบได้จากพื้นที่ทางตอนใต้ของสเปน โปตุเกส อินเดีย และโมร็อกโก ซึ่งเกิดจากสงคราม และการยึดครองพื้นที่ในยุคกลางโดยจักรวรรดิอาหรับ ปี 661–750 นำมาซึ่งการสร้างสถาปัตยกรรม ซึ่งเป็นเครื่องหมายความเจริญเติบโตของศาสนา และความยิ่งใหญ่ ความเจริญรุ่งเรือง
ล้อมกรอบ 1
ยุคสมัยของกาหลิป
การขยายอาณาเขตในสมัยของนบีมุฮัมมัด ปี 622–632
การขยายอาณาเขตในสมัยจักรวรรดิรอชิดีน ปี 632–661
การขยายอาณาเขตในสมัยราชวงศ์อุมัยยะห์ ปี 661–750
ราชอาณาจักรโมร็อกโก (Kingdom of Morocco) เมืองหลวงคือ กรุงราบาต เป็นประเทศในแอฟริกาตะวันตกเฉียงเหนือ มีชายฝั่งทอดยาวบนมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งผ่านช่องแคบยิบรอลตาร์ เข้าสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีอาณาเขตทางตะวันออกจรดประเทศแอลจีเรีย (ชายแดนทางด้านนี้ปิด) ทางใต้จรดเวสเทิร์นซาฮาร่า ทางเหนือจรดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และทางตะวันตกจรดมหาสมุทรแอตแลนติก
โมร็อกโกปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข สภาพภูมิอากาศ ภาคเหนือ บริเวณที่ติดกับทะเล อากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนอากาศอบอุ่นในฤดูหนาว และมีฝนตก เพราะได้รับอิทธิพลลมตะวันตก ในฤดูร้อนอากาศร้อนจัดแสงแดดจัด อุณหภูมิเฉลี่ยในฤดูร้อน ประมาณ 23 องศาเซลเซียส และในฤดูหนาวประมาณ 8 ภาคกลางและภาคตะวันตก อากาศอบอุ่น บริเวณลึกเข้าในแผ่นดิน อากาศร้อนและแห้งแล้ง เป็นส่วนที่ติดทะเลทราย ประชากร 28 ล้านคน นับถือศาสนาอิสลามมีภาษาอาระบิกเป็นภาษาราชการ และอีกสองภาษาที่ผู้คนนิยมใช้สื่อสารกันด้วยคือ ภาษาเบอร์เบอร์ ของชนพื้นเมืองเดิม และภาษาฝรั่งเศส
เนื่องจากประเทศฝรั่งเศสเคยเข้ามาปกครองโมร็อกโกในช่วง ค.ศ.1912 มีลักษณะที่ได้เปรียบกว่าประเทศอื่นๆในภูมิภาคแอฟริกันใกล้ที่สุดของทวีปยุโรป ที่ตั้งและพื้นที่ยาวตลอดชายฝั่งทั้งอุณหภูมิพื้นที่ส่วนใหญ่อบอุ่น จึงทำให้โมร็อกโกเป็นประเทศที่มีความเจริญกว่าประเทศอื่นทั้งในเรื่องเศรษฐกิจการค้า และการท่องเที่ยว มีการติดต่อและเข้ามาทำธุรกิจของชาวยุโรปเป็นอย่างมาก
เมืองที่มีความสำคัญของโมร็อกโก นอกจากกรุงราบาต (Rabat) ได้แก่ คาซาบลังกา (Casablanca) เมืองเศรษฐกิจ เมืองท่าค้าขายและมีประชากรใหญ่อันดับ 1 เมืองหลวง มาราเกซ (Marrakech)เมืองแห่งศิลปวัฒนธรรมและเมืองท่องเที่ยว โมร็อกโกเป็นประเทศที่มีหลากหลายเชื้อชาติวัฒนธรรม ที่หลากหลายและอารยธรรม ผ่านประวัติศาสตร์ที่มีการยึดครองหลายพวกทั้งทางตอนเหนือตอนกลาง และทางตอนใต้ได้แก่พวกโรมัน ชาวยิว ชาวอาหรับ ชาวมัวร์ และชาวแอฟริกัน ในแต่ละภูมิภาคมีความเฉพาะของวัฒนธรรมของชาติและมรดกของอารยธรรม โมร็อกโกได้รับการคุ้มครองมรดกที่มีความหลากหลายและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม นอกจากนั้นยังโดดเด่นในเรื่องภาพวาด ประติมากรรม, เพลง, ละคร ภาพยนตร์
อาหารโมร็อกโกนับเป็นอาหารที่มีความแตกต่าง และหลายหลายมากที่สุดระดับโลกประเทศหนึ่ง อาหารส่วนใหญ่เป็นอิทธิพลของชาวมัวร์ และเบอร์เบอร์(Berber-Moorish)ผสมอาหารยุโรป, อาหารทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งเน้นอาหารพื้นเมืองเป็นหลัก เครื่องเทศเป็นที่นิยมในการใช้ในอาหารโมร็อกโก เครื่องเทศได้ถูกนำเข้าโมร็อกโกเป็นพัน ๆ ปี อาหารหลายส่วนผสมเช่นดอกคำฝอยsaffron จากเมือง Tiliouine, มิ้นท์และมะกอกจาก เมืองMeknes ส้ม และมะนาวจากเมืองFez ไก่เป็นวัตถุดิบหลักที่นิยมทำเป็นอาหารรับประทานกันอย่างแพร่หลายในประเทศโมร็อกโก(อิสลาม 98%)มากกว่าเนื้อวัว และเนื้อแกะที่มีราคาแพง อาหารโมร็อกโกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ Couscous, Pastilla , tajine, Tanjia และ Harira รับประทานคู่กับขนมปังในโมร็อกโกเป็นหลักจาก ข้าวสาลี (durum) ที่รู้จักกันเป็น เบเกอรี่ที่พบมากทั่วโมร็อกโก
งานสถาปัตยกรรมในโมร็อกโกที่สำคัญ เป็น Landmark แสดงถึงศิลปะและวัฒนธรรมมีอยู่มากมายตามเมืองสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น "สุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5" (Mausolee Mohammed V) "ป้อมไอดูยะ" (Kasbah des Oudaias)ในกรุงราบาส ...แล้วพบกันใหม่ในฉบับหน้าครับกับ column “Architect World”
ที่มา : นิตยสารโฮม แอนด์ รีสอร์ต
Life Style
Moroccan Style 2
เมดิน่า(Medina) สามารถพบได้ตามเมืองใหญ่ เป็นรูปแบบที่อยู่อาศัยหนาแน่นของผู้คนแถบแอฟริกาเหนือ
Moroccan Style 1
งานสถาปัตยกรรมที่มีคุณค่า จะบอกเล่าเรื่องราวผ่านรายละเอียดและองค์ประกอบที่สมบูรณ์
บริบทรอบข้างสร้างความต่าง
งานออกแบบในปัจจุบันมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่างานด้านสถาปนิกหรือวิศวกรเลยแม้แต่น้อย