เมื่ออากาศร้อนอบอ้าวขนาดเปิดพัดลมแล้วก็ยังไม่สามารถช่วยคลายร้อนได้ สุดท้ายก็คงต้องมีการเปิดเครื่องปรับอากาศ แต่การเปิดเครื่องปรับอากาศนั้นก็อาจจะเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า แต่ถ้าเรารู้จักเลือกรู้จักใช้เครื่องปรับอากาศเพื่อให้เหมาะสมของขนาดพื้นที่และสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็อาจจะไม่สิ้นเปลืองพลังงานเกินความจำเป็นได้
เครื่องปรับอากาศหรือที่นิยมเรียกกันว่าแอร์ ในปัจจุบันนี้มีอยู่หลายประเภท โดยประเภทแรกเลยก็คือแอร์ติดผนัง ซึ่งแอร์ชนิดนี้จะเหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็ก อย่างห้องนอนหรือห้องนั่งเล่นที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก การติดตั้งก็ง่าย ให้ความเย็นทั่วถึง อีกทั้งยังบำรุงดูแลรักษาง่าย ประเภทที่ 2 ก็คือแอร์แขวนใต้ฝ้าหรือตั้งพื้น แอร์ชนิดนี้เหมาะกับพื้นที่ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ อย่างเช่นห้องประชุม สำนักงาน ออฟฟิศต่างๆ โดยสามารถติดตั้งได้ทั้งแขวนอยู่บนฝ้าหรือตั้งกับพื้น แต่อาจจะมีข้อด้อยในเรื่องของเสียงที่ดังกว่าแอร์ติดผนัง แอร์ประเภทที่ 3 ก็คือแอร์แบบฝังในฝ้า เพื่อให้คงความสวยงามของห้อง โดยจะมีการซ่อนตัวแอร์ไว้ในฝ้าซึ่งแอร์ชนิดนี้จะมีราคาสูง และการบำรุงรักษาที่ยุ่งยาก ประเภทที่ 4 แอร์ตู้ตั้งพื้น แอร์ชนิดนี้จะมีประสิทธิภาพในการกระจายลมเย็นได้สูง ซึ่งเหมาะกับพื้นที่ขนาดใหญ่ อย่างโรงงานหรือพื้นที่โถงกว้าง แต่อาจจะมีเสียงดัง และสิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าชนิดอื่นๆ
ในการเลือกแอร์ให้เหมาะสมกับพื้นที่นั้นโดยทั่วไปนั้นจะคำนึงถึง ขนาดห้องและการรับแสง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะคำนวณจากพื้นที่ อย่างเช่นห้องนอนขนาด 4x4 เมตร ก็จะใช้แอร์ขนาด 12000 BTU หรือถ้าห้องที่มีขนาดกว้างขึ้นไปอีก 5x5 เมตรก็จะใช้แอร์ขนาด 18000BTU (สามารถหาข้อมูลได้จากตารางการเลือกขนาด BTU)
อย่างไรก็ตามเพื่อให้เครื่องปรับอากาศมีอายุการใช้งานนานและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ควรติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสม อย่างเช่น ติดตั้งในจุดที่มีการกระจายลมที่ดี อย่าให้มีสิ่งของกีดขวางการไหลของอากาศเพราะอาจทำให้อากาศภายในหมุนเวียนไม่สะดวก ควรติดตั้งในจุดที่มีความแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักและแรงสั่นสะเทือนในขณะที่เครื่องทำงานได้ การติดตั้งควรคำนึงถึงการบำรุงรักษาในอนาคต และอย่าติดชิดผนังที่โดนความร้อนจัด เพราะอาจทำให้เครื่องได้รับความร้อนจากภายนอกได้ง่าย
โดยทั่วไปเครื่องปรับอากาศจะมีระบบการทำงานของคอมเพรสเซอร์อยู่ 2 ระบบ คือระบบธรรมดาและระบบInverter โดยระบบธรรมดาจะมีการสตาร์ทหรือการทำงานของคอมเพรสเซอร์ เมื่อทำงานจนได้อุณภูมิตามที่ต้องการแล้วจะมีการตัดการทำงานของคอมเพรสเซอร์ และเมื่ออุณภูมิสูงขึ้นก็จะสตาร์ทการทำงานอีกครั้ง ซึ่งในการสตาร์ทการทำงานใหม่ในแต่ละครั้งจะใช้พลังงานสูงมากทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายหรือค่าไฟฟ้า ส่วนระบบInverter นั้น คอมเพรสเซอร์จะทำงานเมื่อเปิดการใช้งาน และเมื่อได้อุณภูมิที่ตามที่ตั้งไว้คอมเพรสเซอร์จะไม่ตัด แต่จะลดรอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ลง เมื่อุณภูมิสูงขึ้นคอมเพรสเซอร์ก็จะปรับความเร็วรอบการทำงานซึ่งจะไม่มีการตัดและสตาร์ทใหม่ เหมือนแอร์ระบบธรรมดา ทำให้ประหยัดไฟมากกว่า
นอกจากการเลือกใช้เครื่องปรับอากาศและการติดตั้งอย่างถูกวิธีแล้ว การเลือกวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างบ้านยังเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เราประหยัดพลังงาน ไม่ว่าจะเป็น ฉนวนกันความร้อน อิฐมวลเบา ซึ่งก็จะทำให้เราประหยัดพลังงานและมีส่วนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วยนะครับ
Home's Tips
รู้จักหน้าต่างเปิดใช้อย่างสบายใจ
“หน้าต่าง” แม้จะเป็นเพียงบานเปิดเล็ก ๆ ที่หลายคนมองข้าม เพราะคิดว่าก็คงเป็นเรื่องเล็ก ๆ
เลือกใช้แอร์อย่างไร ให้ประหยัดไฟ
อย่างไรก็ตามเพื่อให้เครื่องปรับอากาศมีอายุการใช้งานนานและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ควรติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสม
เลือกวัสดุมุงหลังคา แบบไหนให้บ้านมีดีไซน์สวย
หลังคาเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับที่อยู่อาศัยในการช่วยป้องกันแดด ฝน ดังนั้นในการเลือกใช้วัสดุจึงต้องมีความรอบคอบและเลือกใช้ให้เหมาะสม
Home's Tips..
-
ฝ้าเพดานงานตกแต่งที่เติมเต็มความสวยงาม
-
วิธีจัดห้องทำงานตามวันเกิด เสริมดวงการงาน
-
พีดีเฮ้าส์ ฟรีค่าขนส่ง 200 กม.แรก จากทุกสาขาทั่วประเทศ
-
รู้จักหน้าต่างเปิดใช้อย่างสบายใจ
-
เลือกใช้แอร์อย่างไร ให้ประหยัดไฟ
-
เลือกวัสดุมุงหลังคา แบบไหนให้บ้านมีดีไซน์สวย
-
ก่อผนังห้องน้ำด้วยอิฐมวลเบาได้หรือไม่ได้
-
สีทาบ้าน...สีสันแห่งชีวิต
-
ฤกษ์ลงเสาเอก ปี 2564